แต่ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำมาตลอดคือการรีวิวผลงานเพลงต่างๆที่ผมเห็นว่าเป็นผลงานที่ดีและเหมาะแก่การแบ่งปันให้เพื่อนๆได้รู้จักและรับฟัง ประเดิมโพสต์แรกด้วยอัลบั้มจากศิลปินที่ผมชอบ
ปล.การรีวิว เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะมีความชอบคละเคล้าไปบ้าง ขอให้ผู้อ่านพิจารณาและลองรับฟังผลงานเหล่านั้นด้วยตนเองก่อนแล้วจึงตัดสินใจว่าผลงานเหล่านั้นดีหรือไม่ และสุดท้าย หากท่านผู้อ่านชื่นชอบในผลงานดังกล่าว ผู้เขียนก็อยากสนับสนุนให้ท่านอุดหนุนผลงานอย่างถูกกฎหมายด้วยนะครับ ^^
Album: Night Rainbow
Artist: WEAVER
Release: 2016.02.10
Label: A-sketch Music Label / Amuse.inc
Catalog Number: AZZS-43
Price: 3600 yen (tax in)
มาเริ่มดูจากหน้าปก และมาตีความหมายของหน้าปกกันครับ
หน้าปกก็ดูเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนในด้านการออกแบบ
แต่ว่าสิ่งที่ผมว่าเป็นจุดเด่นนั่นคือ "สายรุ้ง" ที่แม้ว่าเราอาจจะไม่เข้าใจความหมาย
แต่พอมีสายรุ้งนั่นก็ทำให้เราเข้าใจคอนเซ็ปท์ของอัลบั้มได้อย่างง่ายดาย
โดยทั้ง 2 ไทป์ (Normal และ Limited Edition) ก็เป็นหน้าปกรูปเดียวกันครับ
ด้านหลังก็จะแสดง Tracklist ทั้งในแผ่น CD และ DVD
ผมค่อนข้างชอบการออกแบบของการใส่ Logo สังกัดและสัญลักษณ์ต่างๆ
ที่ควรจะมีบนแพ็คเกจซีดีของค่าย A-Sketch เพราะว่าค่ายนี้ค่อนข้างทำออกมาในขนาดที่พอดี
โลโก้ต่างๆจัดวางอย่างเป็นระเบียบไม่รกสายตา และที่สำคัญค่ายนี้จะไม่นำ Barcode สินค้า
มาวางบนแพ็คเกจให้ดูใหญ่เทอะทะ และทำให้ดูเสียดีไซน์อัลบั้ม
แต่จะเอาพวกบาร์โค้ดต่างๆไปวางบนสันปกกระดานที่ติดมากับแผ่นแทน
แพ็คเกจสำหรับ Limited Edition จะเป็นกระดาษแข็งและลงด้วยสีมันวาว
ซึ่งสำหรับ WEAVER ในทุกอัลบั้มถ้าเป็น Limited Edition จะเป็นแพ็คเกจแบบนี้ทุกชุดครับ
สำหรับดีไซน์แผ่นก็จะเป็นลักษณะดังรูปที่เห็นเลยครับ จะมีการสกรีนโลโก้ฝั่งครึ่งแผ่น
และอีกฝั่งจะเป็นลายวาวซึ่งถ้าสังเกตุกันดีๆ ลายวาวก็จะเรียงสีกันเป็นสีสายรุ้งครับ
ดีไซน์สำหรับแผ่น DVD ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับแผ่น CD
หน้าแผ่นก็มีการเขียนกำกับไว้ว่าเป็น DVD อย่างชัดเจน
เพียงแต่การสกรีนและลายวาวจะสลับด้านกันครับ
ในส่วนของ Booklet นั้นผู้เขียนไม่ได้ถ่ายมาทุกหน้านะครับ เนื่องจากมีเยอะจริงๆ
แต่ผู้เขียนจะขอนำมาให้ดูกันในบางส่วนนะครับ
เริ่มจากเครดิตกันก่อนเลยนะครับ
สำหรับเครดิตก็จะมีอยู่สองส่วนนะครับ สองส่วนนี้จะแบ่งกันออกมาอย่างชัดเจน
ดังภาพที่เห็นด้านบน นี่เป็นส่วนเครดิตจาก LIVE DVD นะครับ ซึ่งมีอะไรบ้างจะไม่ขอพูดถึงนะครับ
ผู้อ่านสามารถขยายดูได้จากในภาพเลยครับ
ส่วนเครดิตในส่วนสตูดิโออัลบั้ม ก็ไม่มีรายละเอียดอะไรมาก
แต่จะขอลงลึกไปในส่วน Lyrics ให้แทน กับภาพบางส่วนที่ผมถ่ายมาแล้วกันนะครับ
นี่เป็น Lyrics Credit บางส่วนจาก Booklet นะครับ
สังเกตุดีๆว่ากระดาษจะมีสีเรียงตามลำดับกันเป็นสีสายรุ้งนะครับ
ซึ่งก็ตอบโจทย์ตรงคอนเซ็ปท์อัลบั้มได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
สำหรับเรื่องคุณภาพเพลงในอัลบั้มเต็มชุดนี้ ทุกเพลงยังคงคุณภาพในมาตรฐานของ WEAVER
สามหนุ่มยังคงเก็บรักษาลายเซ็นทางดนตรีของตนไว้อย่างครบถ้วน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป มาในช่วงสามปีให้หลัง จากที่ปล่อยอัลบั้มชุดแรก "Handmade"
คือเนื้อหาของเพลงที่ดูเติบโตขึ้น ไม่จำเพาะที่จะพูดแต่เรื่องความรัก หรืออกหัก
แต่กลับพูดถึงการใช้ชีวิต ความสุข ทุกข์ เศร้า และสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน
และนอกจากเนื้่อหา ในด้านซาวนด์ดนตรีก็มีการพัฒนาการที่ดีขึ้น
แม้จะเป็นวงดนตรีสามชิ้น แต่การจะทำเพลงให้เต็มอิ่มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกจนถึงแก่นของเนื้อหา
ก็จำเป็นจะต้องละทิ้งความถือตัวในความเป็นตัวเองและปรับความเป็นดนตรีของตนเองให้เข้ากับ
เครื่องดนตรีอื่นๆที่จะเข้ามาเสริมทัพในเพลงของพวกเค้า
ทั้งในส่วนของเครื่องสายที่ WEAVER เลือกใช้มาตั้งแต่ Mini Album "Shonsekai Sozouki"
และกีต้าร์โปร่งที่สุกิคุง (Sugimoto Yuji : Vocal/Piano) เลือกนำมาเสริมภาคริทึ่มในเพลง "Life"
เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากอิสระทางโครงสร้างดนตรีของอังกฤษที่สามหนุ่มได้มีโอกาส
ไปใช้ลมหายใจของที่นั่นเพื่อเรียนรู้ชีวิตและวัฒนธรรมของคนอังกฤษเมื่อกลางปี 2014
นอกจากนั้นยังรวมไปถึงของเล่นใหม่ของสุกิคุงที่เราอาจจะเห็นอยู่บ่อยครั้งในไลฟ์
แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเห็นสุกิคุงเล่นมันสักครั้งอย่าง "ซินธิไซเซอร์"
ที่คราวนี้สุกิคุงนำมันมาใช้กับเพลงในอัลบั้มนี้ถึงสองเพลง คือ "Sayonara to Iwanaide"
เพลงจังหวะโยกได้เบาๆที่มีเนื้อหาที่กล่าวถึงอาการอกหักแบบลืมไม่ลง และด้วยซาวนด์ดนตรีอันสดใส
เพลงนี้จึงถูกนำไปประกอบโฆษณา Internat TV Appication อย่าง "AbemaTV"
และอีกหนึ่งเพลงอย่างเพลง "Clone" เพลงที่มีซาวนด์ดนตรีฉูดฉาด เนื้อหากระแทกใจคน
และยังมีซาวนด์ดนตรีคอมพิวเตอร์อื่นๆที่ถูกผนวกเข้ามาอย่างเช่นในเพลง "You"
เพลงแรกของอัลบั้ม (ไม่นับรวมกับ "Overture" ที่ไม่มีเนื้อร้อง) ที่เป็นเพลงจีบสาวแบบเก๋ๆ
กับเนื้อร้องภาษาอังกฤษเท่ห์ๆว่า "It's Only You and You" รับรองว่าสาวๆคนไหนได้ฟังก็ต้องอมยิ้มแน่ๆ
เพลง "Mermaid" ที่วงเลือกใช้กลองซาวนด์ไฟฟ้า นับเป็นเพลงแรกเลยที่วงใช้ซาวนด์กลองแบบนี้
เพลง "Welcome" เพลงซึ้งๆที่สามหนุ่มตั้งใจมอบเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ
ในโอกาสที่วงได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนๆจนมีวันนี้ ฉะนั้นไม่มีของขวัญใดที่ WEAVER จะตอบแทนแฟนๆให้ได้ดีที่สุดเท่าการทำเพลงเพื่อแฟนๆอีกแล้ว
เมื่อเพลงทั้งหมดถูกจัดเรียงจนเกือบครบก็มาจัดระเบียบรวมกับเพลงจากซิงเกิ้ลก่อนๆ
ที่ WEAVER ทำการปล่อยออกมาก่อนอยู่แล้วอย่างเพลง
"Kuchizuke Diamond" เพลงประกอบอนิเมะเรื่องดังเรื่อง Yamadakun to nananin no majou
"Beloved" เพลง C/W จากซิงเกิ้ล Kuchizuke Diamond ซึ่งก็เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Raia no Nori
"Boys & Girls" เพลงจากซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งวางแผงก่อนอัลบั้มชุดนี้จะวางประมาณสามเดือน
และเพลง "KOKO" เพลง Main Theme โปรโมตอัลบั้ม Night Rainbow
ที่ใช้ซาวนด์ดนตรีได้ล้ำลึก จนขนาดหลับตาฟังก็ยังให้ความรู้สึกถึงคอนเซ็ปท์ของอัลบั้มได้เลย
และปิดอัลบั้มด้วย Track สุดท้ายกับเพลง "Hello Goodbye" ที่สุกิคุงลงมือเขียนเนื้อร้องด้วยตัวเอง
เพลงซาวนด์หม่นๆแต่ให้ความรู้สึกดีๆทุกครั้งที่ฟัง
สำหรับอัลบั้ม Night Rainbow องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดแล้วถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงคอนเซ็ปท์อัลบั้ม
ภาคเนื้่อหาของเนื้อเพลงก็ยังเขียนโดย เบ้จัง (Kawabe Toru : Drums/Chorus) และใน
ส่วนทำนองก็ยังถูกประพันธ์ขึ้นโดยสองหนุ่ม สุกิคุง และโอ๊คคุง (Okuno Shiota : Bass/Chorus)
และการเรียบเรียงดนตรีทั้งสามหนุ่มก็ยังนั่งเก้าอี้ร่วมกันในฐานะโปรดิวเซอร์
โดยมี Kawano Kei เป็นผู้เรียบเรียงเครื่องสายให้ทั้งหมดทุกเพลงในอัลบั้ม
ทำให้อัลบั้มชุดนี้เสร็จสมบูรณ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
สำหรับอัลบั้มชุดนี้ผมค่อนข้างพอใจมากๆครับสำหรับงานเพลง
เพราะนอกจากจะได้ฟังเพลงดีๆแล้ว ทุกเพลงยังเต็มไปด้วยความรู้สึกและความตั้งใจ
ของทั้งสามคน ที่เราสามารถสัมผัสได้จากการฟังเพลงของพวกเค้า
เป็นไงบ้างครับสำหรับการรีวิวอัลบั้ม Night Rainbow ถูกใจทุกผู้อ่านทุกท่านหรือเปล่าครับ?
สำหรับการรีวิวของผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หลายๆท่านที่กำลังหาผลงานเพลงดีๆมาฟังกันนะครับ
แล้วพบกันในโอกาสต่อไปครับ ขอบคุณมากครับ :)
สังเกตุดีๆว่ากระดาษจะมีสีเรียงตามลำดับกันเป็นสีสายรุ้งนะครับ
ซึ่งก็ตอบโจทย์ตรงคอนเซ็ปท์อัลบั้มได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
สำหรับเรื่องคุณภาพเพลงในอัลบั้มเต็มชุดนี้ ทุกเพลงยังคงคุณภาพในมาตรฐานของ WEAVER
สามหนุ่มยังคงเก็บรักษาลายเซ็นทางดนตรีของตนไว้อย่างครบถ้วน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป มาในช่วงสามปีให้หลัง จากที่ปล่อยอัลบั้มชุดแรก "Handmade"
คือเนื้อหาของเพลงที่ดูเติบโตขึ้น ไม่จำเพาะที่จะพูดแต่เรื่องความรัก หรืออกหัก
แต่กลับพูดถึงการใช้ชีวิต ความสุข ทุกข์ เศร้า และสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน
และนอกจากเนื้่อหา ในด้านซาวนด์ดนตรีก็มีการพัฒนาการที่ดีขึ้น
แม้จะเป็นวงดนตรีสามชิ้น แต่การจะทำเพลงให้เต็มอิ่มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกจนถึงแก่นของเนื้อหา
ก็จำเป็นจะต้องละทิ้งความถือตัวในความเป็นตัวเองและปรับความเป็นดนตรีของตนเองให้เข้ากับ
เครื่องดนตรีอื่นๆที่จะเข้ามาเสริมทัพในเพลงของพวกเค้า
ทั้งในส่วนของเครื่องสายที่ WEAVER เลือกใช้มาตั้งแต่ Mini Album "Shonsekai Sozouki"
และกีต้าร์โปร่งที่สุกิคุง (Sugimoto Yuji : Vocal/Piano) เลือกนำมาเสริมภาคริทึ่มในเพลง "Life"
เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากอิสระทางโครงสร้างดนตรีของอังกฤษที่สามหนุ่มได้มีโอกาส
ไปใช้ลมหายใจของที่นั่นเพื่อเรียนรู้ชีวิตและวัฒนธรรมของคนอังกฤษเมื่อกลางปี 2014
นอกจากนั้นยังรวมไปถึงของเล่นใหม่ของสุกิคุงที่เราอาจจะเห็นอยู่บ่อยครั้งในไลฟ์
แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเห็นสุกิคุงเล่นมันสักครั้งอย่าง "ซินธิไซเซอร์"
ที่คราวนี้สุกิคุงนำมันมาใช้กับเพลงในอัลบั้มนี้ถึงสองเพลง คือ "Sayonara to Iwanaide"
เพลงจังหวะโยกได้เบาๆที่มีเนื้อหาที่กล่าวถึงอาการอกหักแบบลืมไม่ลง และด้วยซาวนด์ดนตรีอันสดใส
เพลงนี้จึงถูกนำไปประกอบโฆษณา Internat TV Appication อย่าง "AbemaTV"
และอีกหนึ่งเพลงอย่างเพลง "Clone" เพลงที่มีซาวนด์ดนตรีฉูดฉาด เนื้อหากระแทกใจคน
และยังมีซาวนด์ดนตรีคอมพิวเตอร์อื่นๆที่ถูกผนวกเข้ามาอย่างเช่นในเพลง "You"
เพลงแรกของอัลบั้ม (ไม่นับรวมกับ "Overture" ที่ไม่มีเนื้อร้อง) ที่เป็นเพลงจีบสาวแบบเก๋ๆ
กับเนื้อร้องภาษาอังกฤษเท่ห์ๆว่า "It's Only You and You" รับรองว่าสาวๆคนไหนได้ฟังก็ต้องอมยิ้มแน่ๆ
เพลง "Mermaid" ที่วงเลือกใช้กลองซาวนด์ไฟฟ้า นับเป็นเพลงแรกเลยที่วงใช้ซาวนด์กลองแบบนี้
เพลง "Welcome" เพลงซึ้งๆที่สามหนุ่มตั้งใจมอบเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ
ในโอกาสที่วงได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนๆจนมีวันนี้ ฉะนั้นไม่มีของขวัญใดที่ WEAVER จะตอบแทนแฟนๆให้ได้ดีที่สุดเท่าการทำเพลงเพื่อแฟนๆอีกแล้ว
เมื่อเพลงทั้งหมดถูกจัดเรียงจนเกือบครบก็มาจัดระเบียบรวมกับเพลงจากซิงเกิ้ลก่อนๆ
ที่ WEAVER ทำการปล่อยออกมาก่อนอยู่แล้วอย่างเพลง
"Kuchizuke Diamond" เพลงประกอบอนิเมะเรื่องดังเรื่อง Yamadakun to nananin no majou
"Beloved" เพลง C/W จากซิงเกิ้ล Kuchizuke Diamond ซึ่งก็เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Raia no Nori
"Boys & Girls" เพลงจากซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งวางแผงก่อนอัลบั้มชุดนี้จะวางประมาณสามเดือน
และเพลง "KOKO" เพลง Main Theme โปรโมตอัลบั้ม Night Rainbow
ที่ใช้ซาวนด์ดนตรีได้ล้ำลึก จนขนาดหลับตาฟังก็ยังให้ความรู้สึกถึงคอนเซ็ปท์ของอัลบั้มได้เลย
และปิดอัลบั้มด้วย Track สุดท้ายกับเพลง "Hello Goodbye" ที่สุกิคุงลงมือเขียนเนื้อร้องด้วยตัวเอง
เพลงซาวนด์หม่นๆแต่ให้ความรู้สึกดีๆทุกครั้งที่ฟัง
สำหรับอัลบั้ม Night Rainbow องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดแล้วถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงคอนเซ็ปท์อัลบั้ม
ภาคเนื้่อหาของเนื้อเพลงก็ยังเขียนโดย เบ้จัง (Kawabe Toru : Drums/Chorus) และใน
ส่วนทำนองก็ยังถูกประพันธ์ขึ้นโดยสองหนุ่ม สุกิคุง และโอ๊คคุง (Okuno Shiota : Bass/Chorus)
และการเรียบเรียงดนตรีทั้งสามหนุ่มก็ยังนั่งเก้าอี้ร่วมกันในฐานะโปรดิวเซอร์
โดยมี Kawano Kei เป็นผู้เรียบเรียงเครื่องสายให้ทั้งหมดทุกเพลงในอัลบั้ม
ทำให้อัลบั้มชุดนี้เสร็จสมบูรณ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
สำหรับอัลบั้มชุดนี้ผมค่อนข้างพอใจมากๆครับสำหรับงานเพลง
เพราะนอกจากจะได้ฟังเพลงดีๆแล้ว ทุกเพลงยังเต็มไปด้วยความรู้สึกและความตั้งใจ
ของทั้งสามคน ที่เราสามารถสัมผัสได้จากการฟังเพลงของพวกเค้า
เป็นไงบ้างครับสำหรับการรีวิวอัลบั้ม Night Rainbow ถูกใจทุกผู้อ่านทุกท่านหรือเปล่าครับ?
สำหรับการรีวิวของผมก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หลายๆท่านที่กำลังหาผลงานเพลงดีๆมาฟังกันนะครับ
แล้วพบกันในโอกาสต่อไปครับ ขอบคุณมากครับ :)
ติตตามข่าวและความเคลื่อนไหวของ WEAVER ได้ที่
Download song of WEAVER
buy CD & Goods of WEAVER at
ติดตามการ Review & Preview ซีดีเพลงญี่ปุ่นอื่นๆได้ที่
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น