วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

J.Artist Next to :: RYTHEM วงดูโอ้กับยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุด

สวัสดีครับ
เชื่อว่าหลายๆท่านที่เป็นคออนิเทพญี่ปุ่นคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอนิเมะนินจายอดฮิตอย่าง "นารูโตะ" ซึ่งในช่วงปีแรกๆที่เริ่มฉายผ่านทางทีวีทั้งในญี่ปุ่นและไทยก็ได้สร้างกระแสถล่มวงการอนิเมะในญี่ปุ่นจนดังเป็นพลุแตกและยังคงได้รับความนิยมที่ดีมาจนถึงปัจจุบันแม้ซีรี่ส์จะปิดฉากลาจอไปเมื่อปี 2015 แล้วก็ตาม แต่นอกจากที่นารูโตะจะแจ้งเกิดในปี 2004 แล้ว ยังมีเพลงประกอบที่ดังเปรี้ยงปร้างจนสร้างชื่อเสียงให้กับวงดนตรีคู่หูดูโอ้อย่างวง "RYTHEM" ที่มีสมาชิกเป็นผู้หญิงทั้งสองคน ซึ่งนับเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเพลงญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และเช่นเดียวกันเมื่อมีวันพบก็มีวันจาก ณ วันนี้ทั้งสองสาวก็ได้ปิดฉากวง RYTHEM ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2011 สำหรับช่วง 7 ปีที่วง RYTHEM สร้างงานเพลงมามีเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราจะมาเปิดแฟ้มผลงานของพวกเธอไปพร้อมๆกันครับ



จุดเริ่มต้นของวงเริ่มขึ้นเมื่อช่วงที่พวกเธอกำลังเรียนอยู่มัธยมและด้วยความฝันและความสามารถที่ทั้งสองต่างมีและต่างชอบเหมือนๆกัน จึงทำให้ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันและเดินเข้ามาตามหาความฝัน
จนไปสะดุดตาค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่มิวสิกเจแปน และได้รับโอกาสทำซิงเกิ้ลของตัวเองจนมีซิงเกิ้ลแรกที่ดังระเบิดระเบ้ออย่างเพลง Harmonia ที่ตอนนั้นถูกนำไปประกอบอนิเมะนินจาอย่าง NARUTO ยิ่งทำให้ดังจนกลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ยอดนิยมทีี่ทำให้สถิติการขายแผ่นไปมากกว่า 7 หมื่นแผ่น ซึ่งกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการเจป็อปในขณะนั้นไปอย่างง่ายดาย

และตั้งแต่ปล่อยเพลง Harmonia ไปทำงานอย่างเต็มที่ ก็กลายเป็นว่าสองสาวได้ใบเบิกทางสำหรับวงการเพลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ช่วงซิงเกิ้ลที่สองอย่างเพลง Thank you หรือเพลง Komugi no Love Song จะยังไม่ค่อยถูกพูดถึงหรือได้รับความนิยมเหมือนกับซิงเกิ้ลเปิดตัวก็ตามแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้สองสาวหยุดความพยายามในการสร้างผลงานที่ตนเองรักจนเกิดเป็นซิงเกิ้ลที่สาม Blue Sky ที่ถูกนำไปประกอบละครช่วงเช้าของช่อง NHK เรื่อง Teru teru Kazoku ความนิยมของสองสาวยังไม่สิ้นสุดเมื่อปี 2004 ซิงเกิ้ลที่ 5 ก็ยังถูกนำไปประกอบละคร เรื่อง Hikaru to Tomo ni ของช่อง NTV ซึ่งดังมากในขณะนั้น และยอดขายก็ยังติดอันดับสูงสุดอันดับที่ 13 ของโอริก้อนชาร์ต อีกทั้ง ยังได้ถูกเชิญไปร่วมรายการชื่อดัง อย่างเช่น Music Station อีกด้วย หลังจากซิงเกิ้ล ที่ 5 ออกวางขายไป ก็ถึงเวลาอันสมควรที่สองสาวจะปล่อยสตูดิโออัลบั้มแรกที่ชื่อว่า Utatane ซึ่งยอดขายก็สูงไม่แพ้ซิงเกิ้ลเช่นกัน โดยวัดได้จากอัลบั้มนี้สามารถไต่ยอดขายไปถึงอันดับที่ 8 ในโอริก้อนชาร์ต


จนมาถึงช่วงปี 2005 หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการมาถึง 2 ปี ก็ได้เวลาพิสูจน์ผลงานของตัวเองอีกครั้ง ผ่านซิงเกิ้ลที่ 6 Houkigumo ที่ถูกนำไปประกอบอนิเมะขนมปังอย่างเรื่อง แชมเปี้ยนเจปัง สูตรดังเขย่าโลก ที่ไม่นานนักเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงขวัญใจคนญี่ปุ่นและแฟนเพลงชาวไทยที่ได้ชมอนิเมะเรื่องนี้ เอกลักษณ์เรื่องเสียงประสานของทั้งสองสาวได้พาสาวๆเดินทางอยู่ในวงการมาถึงปี 2006 ในช่วงเดือนสิงหาคม สองสาวก็ได้ออกอัลบั้มที่สองอย่างอัลบั้ม Mugen Factory ซึ่งสามารถไต่อันดับโอริก้อนชาร์ตได้ถึงอันดับ 10 ซึ่งนับว่าได้รับความนิยมไม่น้อย
ณ ขณะนั้น ไม่ใช่แค่ผลงานเพลงหรือการแสดงสดเท่านั้นที่สองสาวต้องทำ แต่ยังมีกิจกรรมมากมายที่สองสาวต้องรับมือทั้ง การออกรายการวิทยุ หรือออกรายการแนวใหม่ที่ online ทางอินเทอร์เน็ตที่ชื่อ enjoy your time ร่วมไปถึงกิจกรรมปลูกต้นไม้ทั่วประเทศ รวมถึงการแสดงไลฟ์ทัวร์ตามโรงเรียนมัธยมซึ่ง กิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2006 จนเกิดเป็นโครงการไลฟ์ RYTHEM presents~Acoustic PoP~ ซึ่งกิจกรรมนี้จะประกอบด้วยงานจับมือแฟนเพลงซึ่งเป็นหมื่นๆคนที่ให้ความสนใจซึ่งก็ต้องจองซีดีซิ้งเกิลจึงจะได้จับมือและได้ลายเซ็นของสองสาวอย่าง Excusive


จนข้ามผ่านกาลเวลามาถึง 6 ปี การเริ่มต้นที่ใกล้ถึงทางตัน แต่สำหรับสองสาวนั้นเป็นเพียงเรื่องปกติ
สาวๆก็ยังปล่อบผลงานออกมาเรื่อยๆ ซึ่งก้าวมาถึงสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามกับชื่อชุดง่ายๆว่า 23
ซึ่งในอัลบั้มนี้บรรจุเพลงฮิตติดหูหนุ่มๆสาวๆญี่ปุ่นไว้เยอะแยะมากมายอย่างเช่นเพลง Nekoze และอีกหลายๆเพลงที่ยังคงติดชาร์ตวิทยุ 
ถึงเวลาตัดผมสั้นปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ อย่างเพลง Tsunaide te ที่ครั้งนี้มาในแนวเพลง R&B ประสานอารมณ์
ดูเหมือนว่านี่ใกล้จะถึงทางตันของทั้งสองแล้วเมื่อยูอิประกาศยุติวง RYTHEM ที่ก้าวผ่านกาลเวลาตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปี 2010 7 ปีแห่งการทำฝันของสองสาวใกล้ถึงวันแยกย้าย ซึ่งข่าวการประกาศยุบวงทำให้แฟนๆช็อกและเสียใจไปตามๆกัน แม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ก็อยากให้เป็นความฝัน แฟนๆหลายคนให้ความเห็นเอาไว้ผ่านคอมเม้นต์ตามบล๊อกต่างๆของทั้งสองสาว
เมื่อจะมีการร่ำลา การทำอัลบั้มสุดท้ายจึงเป็นการบอกลาที่ดูจะเหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งสองคน
กับสตูดิโออัลบั้มสุดท้าย ที่มาในชื่อเดียวกับวง ว่า "RYTHEM" ได้ถูกวางขาย


เป็นการปิดตำนานวงดูโอ้หญิงไปอีกหนึ่งวง ที่แม้จะอยู่ในวงการไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ แต่ก็ได้สร้างผลงานซิงเกิ้ลไว้ถึง 17 ซิงเกิ้ล กับอัลบั้มอีก 4 ชุด และดูเหมือนว่าผลงานเหล่านั้นก็ยังถูกนำมาใช้และยังคงได้รับความนิยมจากแฟนๆอยู่เสมอ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าผลงานที่เดินข้ามกาลเวลามาถึง 8 ปี ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความเก่าเลยสักนิด และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีแฟนๆหลายคนนึกถึงพวกเธอและยังอยากให้พวกเธอกลับมาอยู่เสมอ 
ซึ่งวงนี้เป็นอีกหนึ่งวงที่ยังไม่มีศิลปินคนใดล้มล้างตำแหน่งดูโอ้หญิงไปได้เลยแม้แต่คนเดียว

แล้วเจอกันเมื่อโลกต้องการนะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตาม
และขอบคุณสำหรับการแวะเวียนเข้ามาอ่าน ทั้งขาจรและขาประจำ ขอบคุณทุกท่านครับ

:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น